ทำหลายอย่างพร้อมกันงานเสร็จไวจริงหรือ?
ในปัจจุบันจะเห็นได้ว่าใครที่สามารถทำงานหลายอย่างพร้อมๆ กันหรือ Multitask ได้นั้นมักจะเป็นที่ต้องการอย่างมากในทุกบริษัท เพราะการทำงานแบบ Multitask ให้แปลตรงๆ คือสามารถทำงานได้หลายงานในเวลาเดียวกันนั่นเอง แต่ว่ามันสามารถทำห้งานเสร็จไวขึ้นจริงๆ หรือไม่? แล้วทำไมการทำงานแบบ Singletask กลับไม่เป็นที่ชื่นชอบในหลายๆ บริษัท หรือสำหรับบางคนอาจจะไม่รู้ว่าการทำงานแบบ Singletask นั้นเป็นอย่างไร?
Multitask คืออะไร?
การทำงานแบบ Multitask คือการทำงานด้วยความสามารถหรือทักษะที่หลากหลายด้านในช่วงเวลาเดียวกัน ถึงแม้ว่าคุณจะทำงานในตำแหน่งเดียวก็ตาม เช่นในบริษัทด้าน digital คุณได้ทำตำแหน่งด้านเขียน content และถ้าคุณมีความสามารถมากพอ ก็อาจจะได้ทำ graphic ร่วมไปด้วยเช่นกัน แต่ไม่จำเป็นต้องทำไปพร้อมๆ กันตลอดเวลา ด้วยโลกของ internet และ social network ที่เข้ามาในชีวิตประจำวันของทุกคนทำให้ทุกคนสามารถทำงานที่หลากหลายมากขึ้น และเทรนด์ของโลกในการทำงานก็ดำเนินไปในทิศทางนี้ด้วย การแข่งขันสูงขึ้น เวลาที่สั้นลง เพื่อให้ได้ผลงานมีประสิทธิภาพสูงสุดการทำงานแบบ Multitask จึงเป็นที่นิยมอย่างมากแต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะทำได้
Singletask คืออะไร?
Singletask คือการทำงานด้วยความสามารถหรือทักษะเฉพาะทางไปเลยจนงานเสร็จ หลายๆ คนมองว่าการทำงานแบบ singletask นั้นเชื่องช้า และใช้เวลาค่อนข้างมากจึงถูกมองข้ามไป แต่การทำงานแบบ singletask มีข้อดีอยู่ค่อนข้างมากพอๆ กับการทำงานแบบ multitask เช่นกัน และไม่ใช่ว่าใครๆ ก็ทำได้ด้วย เพราะการทำงานรูปแบบนี้ต้องมีสมาธิที่ค่อนข้างสูงมาก และต้องไม่ถูกรบกวนง่ายๆ และการทำงานรูปแบบนี้มักจะทำให้เราสามารถทำงานใหญ่ที่ได้รับมอบหมายมาให้เสร็จได้ตามกำหนด และยังเพิ่มประสิทธิภาพทางความคิดสร้างสรรค์กับการทำงานให้สูงสุดในช่วงเวลาหนึ่งนั่นเอง
ลองทดสอบว่าเราถนัดแบบไหนมากกว่ากัน?
อย่างที่ได้อธิบายไปว่าการทำงานของทั้ง multitask และ singletask นั้นคืออะไร และมีรูปแบบการทำงานที่ต่างกันอย่างชัดเจน ที่แน่ๆ คือทุกคนไม่มีทางรู้เลยว่าตัวเองสามารถทำงานในรูปแบบไหนดีกว่ากัน ฉะนั้นการได้ลองดูก่อนว่าแบบ multitask หรือแบบ singletask จะเหมาะกับเรามากน้อยแค่ไหนเป็นการเริ่มต้นที่ค่อนข้างดีทีเดียว
ลองทำงานแบบ Singletask
หากคิดว่าตัวเองน่าจะเหมาะและชอบการทำงานรูปแบบที่เฉพาะทางไปเลย หรือว่าได้ลองการทำงานแบบ multitask แล้วไม่ชอบ ก็สามารถเริ่มจากการปิดการสื่อสารที่ไม่จำเป็นขณะทำงาน หรือประชุม เช่นเพื่อนทัก chat ขณะที่เราประชุมอยู่ก็ปิดเสียงไปก่อน พยายามไม่ตอบ เพื่อให้เราเพิ่มสมาธิให้กับตัวเองและไม่ไขว้เขวกับสิ่งรอบตัวง่ายๆ ส่วน E-mail ก็จัดช่วงเวลาในการส่งและตอบเป็นช่วงๆ อย่างเช่นตอนเช้าก่อนจะเริ่มทำงานจริงจัง หลังพักเที่ยง และก่อนเลิกงาน ก็จะช่วยให้จัดการสิ่งต่างๆ ได้กระชับขึ้น
ลองทำงานแบบ Multitask
ถ้าหากคิดว่าการทำงานแบบ singletask นั้นช้า และน่าเบื่อหน่าย หรือต้องการที่จะท้าทายความสามารถของตัวเองว่าสามารถรับมือได้ขนาดไหน การทำงานแบบ multitask ก็อาจจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าลอง หากคุณเป็นคนที่คิดเร็ว ประมวลสิ่งต่างๆ เร็ว ทนกับสภาวะเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาได้ดี จัดสรรลำดับงานเก่ง แต่อย่าลืมว่าการทำงานแบบ multitask นั้นหากทำเป็นระยะเวลานานๆ จะส่งผลเสียได้เช่นกัน อย่างสมาธิที่จะจดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งน้อยลง ฉะนั้นถ้าหากมีจังหวะให้ผ่อนคลายก็ควรที่จะพัก
สรุป
ก่อนที่จะลองทำงานทั้งสองแบบเราต้องมองกลับมาที่ตัวเองก่อนว่างานและตำแหน่งที่เราทำอยู่นั้นจำเป็นกับการทำงานรูปแบบไหนมากกว่ากัน เพราะบางสายอาชีพต้องใช้สมาธิค่อนข้างสูงอย่างโปรแกรมเมอร์ ที่ต้องเขียนโค๊ดเป็นจำนวนมาก ฉะนั้นการทำงานแบบ multitask อาจจะไม่เหมาะซะทีเดียว ในขณะเดียวกันหากคุณต้องทำงานในสภาพแวดล้อมที่ต้องแข่งกับเวลา ต้องทันหรือนำกระแสอย่างสายอาชีพเขียน content การทำงานแบบ multitask อาจจะเหมาะสมกว่าในการทำให้งานดำเนินไปอย่างราบรื่นนั่นเอง
====================
ฝากประวัติสมัครงานมากับเราที่ >>> bit.ly/2K333DY
หรือส่งเรซูเม่พร้อมบอกตำแหน่งงานที่ต้องการสมัครมาที่ applicant@prtr.com
เพียงบอกความต้องการของคุณ แล้วส่งข้อมูลมาเจ้าหน้าที่สรรหาของเราจะรีบให้ความช่วยเหลือคุณอย่างเร็วที่สุดค่ะ
“เพราะความสำเร็จของคุณ คือความสำเร็จของเรา”
PRTR