การหางานในยุคนี้ แม้ว่าจะมีตัวช่วยหลายช่องทางที่จะช่วยให้คุณหางานที่โดนใจแค่ไหนก็ตาม แต่… หลายๆ คนนั้นก็ยังต้องใช้เวลานานจนเกินไปกว่าจะได้งาน หรือบางคนก็อาจจะเสียเวลาในการรอการติดต่อกลับจนไม่รู้เลยว่า ที่รออยู่นั้นมันนานเกินไปรึเปล่า แล้วชีวิตนี้ต้องทำยังไงต่อ??
เอาเป็นว่าเพื่อช่วยให้เรื่องของการใช้เวลาในการหางานเป็นเรื่องที่จัดสรรเวลาให้ชีวิตง่ายขึ้น ในบทความนี้เรามีคำแนะนำเกี่ยวกับการใช้เวลาในการหางานที่พอเหมาะพอดีมาบอกกันค่ะ
25 ชั่วโมง (ต่อสัปดาห์) ไม่มากไม่น้อย ไม่เสียเวลามากเกินไป
เราสามารถจัดสรรเวลาเพียง 25 ชั่วโมงในการหางาน โดยแบ่งเวลาเพื่อทำการต่างๆ ดังนี้
#5ชั่วโมงต่อสัปดาห์ สิ่งแรกที่ต้องทำคือควรใช้เวลาไปกับการปรับแต่งเรซูเม่ เขียนจดหมายสมัครงาน เขียนอีเมล์ และการจัดการไฟล์ Portfolio เพื่อความพร้อมในการยื่นสมัครงานในแต่ละแห่ง
#3ชั่วโมงต่อสัปดาห์ สำหรับการค้นหางานที่มีการโพสต์อยู่บนฐานข้อมูลออนไลน์ต่างๆ ไม่ว่าจะบนเว็บไซต์ Job Board เว็บไซต์บริษัทจัดหางาน หรือสื่อโซเชียลมีเดีย รวมไปถึงการส่งอีเมล์ตรงถึงหน่วยงาน องค์กรต่างๆ ที่เราสนใจ
#3ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ในการกรอกข้อมูลโดยตรง ให้กับองค์กรที่เราอยากร่วมงานด้วย โดยส่วนใหญ่มักจะเป็นใบสมัครออนไลน์ที่มีอยู่บนเว็บไซต์ขององค์กรต่างๆ นั่นเอง
#3ชั่วโมงต่อสัปดาห์ แบ่งไว้สำหรับการเดินทางไปสัมภาษณ์ หรือการ Walk-in เข้าไปสมัครงานพร้อมสัมภาษณ์ในทันที ซึ่งเวลาที่ไม่มากเกินไปนี้จะช่วยให้คุณอยู่ในภาวะที่ดีที่สุด ทั้งภาวะทางอารมณ์ และความคิด
#11ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ใช้เวลามากหน่อยกับการหาข้อมูลเกี่ยวกับองค์กร หน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งงานที่คุณสนใจ และมุ่งตรงไปสร้าง Networking กับคนและสังคมเหล่านั้น เพื่อเพิ่มโอกาสในการหางานนั่นเอง
Networking อย่างไร ที่จะช่วยเพิ่มโอกาสในการได้งาน
การเข้าสู่โลกออนไลน์นั้นเป็นวิธีที่จะช่วยสร้างโอกาสที่ดีในการหางาน แต่การใช้อินเตอร์เน็ตอย่างไร้เป้าหมายก็ยังเป็นการเพิ่มเวลาในการหางานที่ยาวนานขึ้นด้วย
โดยเฉพาะเมื่อไม่รู้ว่าเราจะใช้เครือข่ายออนไลน์แบบไหน อย่างไรดี ผลที่ได้อาจจบลงที่การเล่น Facebook และส่อง Instagram ไปอีกหลายชั่วโมง…
เริ่มสร้าง Connection จากคนใกล้ตัว
อย่างแรกที่อยากแนะนำเลยก็คือ ลองพูดคุยสอบถามกับเพื่อนสนิท เพื่อนของเพื่อน พี่ของเพื่อน น้องของเพื่อน หรือคนอื่นๆ ที่คุณพอจะรู้ว่าเขาคนนั้นเคยทำงาน ในบริษัทที่คุณสนใจอยู่ หรือทำงานในตำแหน่งที่คุณสนใจ เพื่อที่จะหาข้อมูลเกี่ยวกับองค์กร และเนื้องานที่ต้องรับผิดชอบ ทั้งนี้ก็เพื่อให้ได้รับคำแนะนำจากคนใน ที่จะช่วยให้คุณมีโอกาสได้งานง่ายยิ่งขึ้นไปด้วย
หาไอดอลให้เจอ
วิธีนี้หลายคนอาจเคยได้ยินในชื่อ Job Shadowing ซึ่งก็คือการหาแม่แบบ หรือง่ายๆ ว่า ไอดอลนั่นเอง ลองหาดูว่าใครคือไอดอลในการทำงานแบบที่คุณชอบ แล้วศึกษาดูว่าเขาประสบความสำเร็จจากสายงานนั้นๆ ได้อย่างไร ทั้งวิธีคิดและวิธีพูด เพื่อปรับใช้กับตัวคุณเองเมื่อถูกสัมภาษณ์งาน
หา Connection จากสถาบันการศึกษา
สำหรับเด็กจบใหม่ หลายคนก็ประสบความสำเร็จในการหางานจากการเข้าไปสอบถามพูดคุยในกลุ่มศิษย์เก่าต่างๆ เพราะไม่แน่ว่าคุณอาจจะได้ทั้งคำแนะนำ และโอกาสในการทำงานจากสิ่งที่คุณเรียนมาก็ได้นะ
อัพ IG เสร็จแล้ว มาลองใช้ LinkedIn บ้างดีไหม
Social Network ไม่ได้มีอยู่แค่ Facebook และ Instagram ซะหน่อย โดยเฉพาะสังคมของการหางาน แนะนำเลยว่าควรจะสมัครใช้ LinkedIn ดูบ้าง นอกจากจะมีโอกาสได้งานแล้ว ยังได้รู้จักกับคนเก่งๆ อีกมากมายเลย
หางาน Part-time ดูก่อนไหม
นอกจากหางานประจำแล้ว การหารายได้เสริมจากงานพาร์ทไทม์ต่างๆ หรืองานที่มีสัญญาจ้างระยะสั้น ก็จะช่วยให้คุณมีประสบการณ์ในการทำงาน เรียนรู้ในการเข้าสังคมของคนทำงาน ที่สำคัญคือได้เงินใช้อีกด้วยนะ และก็ยังมีหลายๆ คน ได้งานประจำจากการเริ่มต้นทำงานพาร์ทไทม์มาแล้วเหมือนกัน
ใครที่กำลังเคร่งเครียดกับการหางานโดยเสียเวลาไปหลายชั่วโมงต่อวัน ต่อสัปดาห์ก็คงจะรู้แล้วใช่ไหมล่ะว่า จริงๆ แล้วการบริหารเวลาให้กับการหางานให้ได้ 25 ชั่วโมง ก็ถือว่าเพียงพอแล้ว เพราะสิ่งสำคัญนั้นอยู่ที่ว่าจะใช้เวลาแต่ละชั่วโมงในการจัดการกับอะไรบ้างเท่านั้นเอง
.
.
#PRTR #PeopleAreKey
#Recruitment #TotalHRSolutions #หาคน #หางาน
.
.
สร้างโปรไฟล์สมัครงาน http://job.prtr.com/user/register
เช็คตำแหน่งงานว่างได้ที่ http://job.prtr.com/
อัพเดทตำแหน่งงานว่างได้ที่ Line@: http://line.me/ti/p/~@prtr
image by unsplash.com