Skip links

ถึงจะรู้สึกแย่แค่ไหนเราก็ไม่สามารถควบคุมฝุ่นด้วยตัวคนเดียวได้

“การที่เรารู้สึกเเย่กับสิ่งที่เกิดขึ้นเเละไม่สามารถควบคุมได้
เป็นเพราะมนุษย์เป็นสิ่งมีชิวิตที่ถูกขับเคลื่อนได้ด้วยความรู้สึก”

ถึงจะรู้สึกแย่แค่ไหนเราก็ไม่สามารถควบคุมฝุ่นด้วยตัวคนเดียวได้ แต่เราเริ่มจากการป้องกันด้วยตัวเองโดยการใส่เเมสป้องกันฝุ่นก็เป็นวิธีแก้ไขปัญหาที่ดี เเต่การเเก้ที่ต้นเหตุจะดีที่สุดค่ะ

ในเวลาที่เราทำงานก็เช่นกัน เเน่นอนว่าไม่ได้มีปัญหาเเค่เรื่องงาน สังคมในที่ทำงานจะเป็นตัวผลักดันให้เราอยากที่จะทำงานมากขึ้น ไม่ว่างานจะหนักเเค่ไหนก็ตาม

เเต่ถ้าต้องเจอกับคนที่บั่นทอนจิตใจขึ้นมาล่ะ อาจจะไม่ใช่เเค่อยู่ร่วมกันเหมือนกับฝุ่น PM 2.5 เเต่เป็นการทำงานร่วมกันในองค์กร ซึ่งเป็นสิ่งที่ #อาจจะ สามารถเเก้ไขหรือควบคุมได้

1.คิดบวก
การคิดลบจะมีเเต่ทำให้เราท้อเเท้ เเละสิ้นหวัง ยิ่งมีคนมาบั่นทอนจิตใจ ยิ่งต้องทำให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้นด้วยตัวเราเอง คิดในเเง่ดีเอาไว้ค่ะ

2.เปิดใจรับการเปลี่ยนแปลง
เพราะมันคือเรื่องจริงที่เราต้องเจอ การเจอคนเเย่ๆ ก็ไม่ควรไปทำตามเขาค่ะ มันจะช่วยทำให้เรารู้สึกดีขึ้นที่ทำให้เราได้เเก้เเค้น เเต่จริงๆเเล้วเรากำลังสาดน้ำมันเข้ากองไฟอยู่ การทำให้คนในออฟฟิศเป็นคนดีก็เริ่มจากสังคมที่ดีที่เริ่มต้นจากตัวเราค่ะ

3.โฟกัสกับสิ่งที่คุณสามารถควบคุมได้
ทั้งเรื่องงานเเละคนในออฟฟิศคนที่มีตำเเหน่งสูงกว่าหรือตำเเหน่งเท่ากันเเต่สูงอายุก็คอยกำกับดูเเลเรื่องนี้ได้ การตักเตือนเป็นเรื่องที่ดี เเต่ต้องทำเเต่พอดีถึงจะดี อย่าสิ้นหวังที่จะให้เพื่อนร่วมงานเป็นคนที่ดีขึ้น ดังนั้นถ้าทำได้ก็ขอให้ช่วยเหลือเขา ให้เป็นเพื่อนร่วมงานที่ดีให้ได้

4.ปล่อยวาง
ถ้าไม่ไหวจริง ๆ ก็ควรที่จะปล่อยวาง เพราะเราได้ใช้ความพยายามเต็มที่เเล้วเเต่ก็ไม่คุ้มกับการที่จะต้องไปอยู่ในสังคมแบบนั้น การวางเเผนที่จะลาออกก็เรื่องที่ดีสำหรับตัวเรา เเต่ต้องไม่ใช่การลาออกเพื่อหนีปัญหาเดิมไปเจอปัญหาใหม่ หรือเราเลือกที่จะอยู่ต่อเเต่ละเลยกับปัญหาเเละความรู้สึกเเย่ๆเเละทำให้เคยชินกับปัญหาเพราะในชีวิตจริงคนเราไม่ได้มีทางเลือกมากมายที่จะย้ายไปบริษัทอื่นได้ตามต้องการค่ะ

การพาตัวเองออกจากสถานการณ์ที่ทำให้รู้สึกแย่ เป็นตัวเลือกเเรก ๆ ที่คนส่วนใหญ่เลือกใช้เพื่อหนีจากความรู้สึก เเต่ผลลัพธ์ของสิ่งที่เกิดขึ้นอาจจะมาจากตัวเราที่ กำลังหนีปัญหาอยู่

Top