Skip links

สรุปเนื้อหาจากงาน People Strategy Summit 2024 – Beyond AI: Building a Future Powered by People

เมื่อวันศุกร์ 21 มิถุนายน 2024 ที่ผ่านมาทาง PRTR ได้จัดงานเสวนาสุดยิ่งใหญ่ People Strategy Summit 2024 – Beyond AI: Building a Future Powered by People 

เรียกได้ว่า เนื้อหาภายในงานมีทั้งมุมมองจากภาครัฐและภาคเอกชนจากหลากหลายอุตสาหกรรม โดยมีเหล่า Speaker ระดับผู้บริหารจากองค์กรชั้นนำมาร่วมแชร์ประสบการณ์ วิสัยทัศน์ รวมถึงข้อมูลสุด Insight เพื่อเป็นแนวทางในการเตรียมคนให้พร้อมสำหรับโลกที่กำลังจะถูก Disrupt ด้วย AI และเทคโนโลยี 

คุณแนนริศรา เจริญพานิช CEO ของ PRTR Group PCL ได้กล่าวช่วงเปิดงานว่า ในแง่ของเทคโนโลยี Disruption จริงๆ ไม่ใช่เรื่องใหม่ ในฐานะที่ PRTR เป็นผู้ให้บริการด้าน HR solutions ที่ทำงานเกี่ยวกับคนมานาน ไม่ว่าจะเป็นการหาคน การจ้างคน ทำ Payroll หรือแม้แต่การพัฒนาคนเอง เราพบว่ายังมีหลายองค์กรที่มองว่าเรื่องเทคโนโลยีเป็นเรื่องไกลตัว คิดว่าเรื่องเทคโนโลยี AI เป็นเรื่องของงานสาย IT เท่านั้น และยังคิดไม่ออกว่าจะเอา AI มาใช้อย่างไร 

แต่การเข้ามาของ ChatGPT เริ่มทำให้คนทำงานหลายสายรู้ว่ามันเป็นเรื่องใกล้ตัวกว่าที่คิด จากผลสำรวจพบว่า จริงๆ แล้วคนไทยเราอ้าแขนรับเทคโนโลยีค่อนข้างมาก แต่คนที่มีทักษะหรือเก่งในด้านนี้จริงๆ กลับมีน้อย ซึ่งเราก็ยังสู้เพื่อนบ้านเราไม่ได้ 

ถ้าคิดเป็นสัดส่วน คนไทยที่ใช้เทคโนโลยีมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานมี 16% ส่วนคนที่ชำนาญด้านเทคโนโลยีจริงๆ มีเพียงแค่ 1% เท่านั้น ซึ่งถ้าเทียบกับเพื่อนบ้านแล้ว เรายังสู้เขาไม่ได้ 

 และนั่นจึงเป็นที่มาในการจัดงานครั้งนี้ เพื่อหวังว่าเกร็ดความรู้ที่ได้จากภายในงาน จะสามารถนำกลับไปปรับใช้กับคนในองค์กรเพราะเราเชื่อว่าคนคือกุญแจแห่งความสำเร็จ

ในส่วนของเนื้อหาและประเด็นสำคัญภายในงาน แบ่งได้เป็น 4 หัวข้อหลัก ได้แก่

1. The Global AI Landscape: Act Now or Fall Behind

เริ่มต้นด้วยคุณศุภรัตน์ ศิวะเพ็ชรนาท สิงหรา ณ อยุธยา CEO of ST Telemedia Global Data Centres (Thailand) ได้อธิบายว่า AI เกิดขึ้นมานานแล้ว แต่เหตุผลที่มันบูมขึ้น เพราะเราสามารถใช้งานมันง่ายขึ้น เข้าถึงได้ ซึ่งก่อนหน้านี้ คนอาจจะมองว่าเรื่องของเทคโนโลยี เป็นเรื่องของบางสายงาน แต่ทุกวันนี้สามารถเอามาใช้กับงานการตลาดก็ได้ ช่วยทำให้งานที่ต้องใช้ความสร้างสรรค์ที่เคยยาก ให้ง่าย และเสร็จในเวลาอันรวดเร็ว 

แต่ถึงแม้เทคโนโลยีจะล้ำแค่ไหน ยังไงคนก็ยังเป็นส่วนสำคัญอยู่ดี ในยุคที่ AI เข้ามา สิ่งสำคัญสำหรับคนที่อยากประสบความสำเร็จ คือ การมี Mindset ที่พร้อมจะเรียนรู้มัน และต้องเข้าใจ 3 เรื่อง คือ 

เข้าใจเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลง 

เข้าใจลูกค้า รู้ว่า AI จะสร้างประโยชน์ให้ลูกค้ายังไง 

เข้าใจ Regulation กฎเกณฑ์ต่างๆ 

ถ้าไม่เข้าใจ 3 เรื่องนี้ โอกาสที่ธุรกิจจะประสบความสำเร็จจะยิ่งล่าช้าออกไป 

 

2. Future-Ready Organizations: Bridging the Gap Between Technology and Human Readiness

คุณภาณุวัฒน์ เบ็ญเราะมาน Head of Work & Rewards, Thailand & Indochina – WTW ชี้ให้เห็นว่า วันนี้เราอยู่ในช่วงของการเปลี่ยนแปลง บางคนอาจจะมองว่าเทคโนโลยีมันจะมา Replace คน แต่ก็มีหลายคนที่มองว่าเทคโนโลยี คือ Solution ที่ช่วยแก้ปัญหา เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้ดีขึ้นได้ แต่การจะใช้เทคโนโลยีให้ประสบความสำเร็จได้มากกว่า 80% มันต้องให้ความสำคัญที่จุดเริ่มต้น 

1️⃣ องกรค์ต้องวางกลยุทธ์ให้ชัดเจน รู้ว่าต้องใช้แพลตฟอร์มอะไร รวมถึงกำหนดทิศทางการทำงานที่ชัด 

2️⃣ องค์กรต้องสร้าง Customer Journey ที่ชัดเจน ที่สามารถตอบโจทย์ Painpoint ได้จริง 

นอกจากนี้ คุณภาณุวัฒน์ ยังเสริมอีกว่า ไม่ใช่ AI ที่จะมา Replace คน แต่เป็นคนที่ใช้ AI เป็นต่างหาก ที่จะมาแทนที่คนที่ไม่ใช้ AI ดังนั้น เราควรปรับตัว ปรับองค์กร ให้เป็นเหมือนไฟป่า ที่เจอลมแล้วไม่มีทางดับได้ง่ายๆ และสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ คือ การ Upskill & Reskill ตัวเอง คนเราต้องมีทั้งงานหลัก งานรอง (งานเสริม) และสำคัญสุดท้ายคือความสนใจ เพราะเราไม่รู้หรอกว่าความสนใจของเรา อาจจะสร้างรายได้และอาชีพใหม่ๆ ในอนาคต 

และเมื่อรู้ว่าอยากจะทำอะไร เมื่อนั้นเราจะรู้ว่าควร Upskill & Reskill อย่างไร ถึงจะพาตัวเองไปสู่จุดที่ประสบความสำเร็จ และเอาตัวรอดได้ในสภาวะการเปลี่ยนแปลงที่ไม่เคยแน่นอน 

 

3. AI-Driven Mentorship: The Future of Professional Growth

คุณอติคุณ เผอิญโชค แมคโดนัลด์ COO of Eazy Car Thairung Group เปิดประเด็นด้วยการตั้งคำถามว่า ถ้าวันนี้คุณมี AI Mentor ส่วนตัว ที่เป็นเหมือน Warrant Buffett มาคอยโค้ชชิ่ง ให้คำแนะนำ และสามารถตอบคำถามคุณได้ตลอดเวลา คุณอยากได้มั้ย? 

ผลสำรวจจากอเมริกาบอกว่า พนักงาน 86% อยากอยู่กับบริษัทที่มี Mentor ที่ดี มากกว่านั้น 9 ใน 10 คนยังบอกว่าการมี Mentor ทำให้เขารู้สึกมีความสุขมากขึ้น จะเห็นว่าไม่ว่าใครก็อยากมีคนที่ช่วยพัฒนาชีวิตการทำงานของตัวเอง แต่การจะหา Mentor ดีๆ สักคนมันยิ่งเป็นเรื่องยาก ซึ่งเราสามารถแก้ปัญหาด้วยการใช้ Ai Driven Mentorship ได้  

สำหรับผู้ที่ต้องการทดลองใช้ AI ในการทำ mentorship คุณอติคุณ ได้ให้คำแนะนำโดยแบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอน ดังนี้ 

 1️⃣ ข้อมูลองค์กรต้องแน่น : ป้อนข้อมูลอย่างละเอียดเกี่ยวกับพนักงานหรือบริษัทให้ได้เยอะที่สุด ไม่ว่าจะเป็นประวัติความเป็นมา วิสัยทัศน์ กลยุทธ์องค์กร financial ข้อกำหนดต่างๆ หรือถ้าจะให้ยิ่งดี  สามารถอัพโหลด Organization chart เข้าไปได้เลย

2️⃣ ข้อมูลส่วนตัวต้องละเอียด : ป้อนเรื่องเกี่ยวกับตัวเอง (ในกรณีที่ทำให้พนักงาน ให้ใส่ข้อมูลพนักงานให้ได้มากที่สุด) ถ้าไม่อยากกรอกข้อมูลวุ่นวาย สามารถอัป Resume ของตัวเองขึ้นไปได้ เพื่อให้มันรู้จักเรามากขึ้น มากกว่านั้นอีกคือการใส่ข้อมูลในเชิง Passion เป้าหมายของชีวิต จุดแข็ง-จุดอ่อนลงไป นอกจาก AI จะช่วยให้คำปรึกษา เพื่อให้เราบรรลุเป้าหมายชีวิตได้ ยังจะเทรนให้เราเก่งขึ้นด้วย 

3️⃣ ระบุว่าอยากให้ mentor ของเราเป็นใคร : กำหนดหน้าตาของ Mentor ด้วยการตั้งเป้าทั้งในระยะสั้นและระยะยาว รวมถึงกำหนด Role Model ให้มันสอนเราในมุมมองของใคร ตรงนี้คือกุญแจ เพราะเราสามารถเลือกคนระดับโลกคนไหนก็ได้มาเป็น mentor ให้เรา ไม่ว่าจะเป็น Warrant Buffett, Elon Musk หรือแม้แต่ Lady Gaga ก็ทำได้เช่นกัน

การใช้ AI Driven Mentorship มีประโยชน์มาก ลองคิดดูสิว่าถ้าเราให้ AI เป็น 1 ในเพื่อนสนิทที่ใช้เวลาด้วยมากที่สุด และคนๆ นั้นสามารถเป็นคนเก่งๆ คนไหนก็ได้ เราจะก้าวหน้า และได้ประโยชน์อย่างคาดไม่ถึงเลยทีเดียว

 

4. People Strategy: The Human-Centered Approach in the AI Revolution

ช่วงสุดท้าย และนับเป็นไฮไลท์ของงาน เป็นการเสวนาพูดคุย แลกเปลี่ยนประสบการณ์ และมุมมองของ Speaker ทั้ง 4 ท่าน ได้แก่ คุณชุติมา สีบำรุงสาสน์ Advisor & Independent Board of Director, Organisation Capability and Sustainability, คุณแซม ตันสกุล Managing Director, Krungsri Finnovate, ดร.วิทย์ สิทธิเวคิน โฮสต์รายการ 8 Minute History  & Morning Wealth และคุณชนัญญารักษ์ เพ็ชร์รัตน์ Board of Director – ttb & Former CEO – DHL, Motorola & Oracle 

โดยมีเนื้อหาสำคัญที่น่าสนใจ สรุปได้ดังนี้ 

ดร.วิทย์เล่าว่า การ Disrupt มีมาทุกยุค เกิดขึ้นหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการปฎิวัติอุตสาหกรรม ที่เปลี่ยนจากการใช้แรงงานเป็นเครื่องจักร หรือยุคเปลี่ยนผ่านอนาลอกสู่ดิจิทัล ปฎิวัติอุตสหกรรมเพลง จากเทป แผ่นซีดี จนมาถึง ยุคสตรีมมิ่ง แต่มนุยษ์ผ่านมาได้ทุกครั้ง และสามารถเอาตัวรอด และเติบโตมาได้อย่างก้าวกระโดด 

สิ่งสำคัญที่จะทำให้เราไปรอดได้ คือ การมี Open Mindset ที่เวลามีอะไรที่เกิดใหม่ ให้เราสนใจมัน เรียนรู้มัน รู้ไว้ก่อนไม่เสียหาย เพราะถ้ามันเวิร์คเมื่อไหร่ แล้วเราไม่ปรับตัว นั้นคือเราจะหายไปเลย 

⭐ Use Case ของวงการธนาคาร คุณแซมเล่าว่าเมื่อหลาย 10 ปีก่อน ธนาคารจะโดนคอมแพลนเรื่อง Call Center บริการช้า ไม่ทันใจ มีลูกค้าที่โทรเข้ามาถามเรื่องง่ายๆ เดิมๆ ทุกวันและเยอะมาก เช่น การเช็กวงเงินคงเหลือ พอเอา AI มาช่วยเป็นด่านแรก ตอบคำถามง่ายๆ ลูกค้าก็แฮปปี้ขึ้น เพราะเร็ว แต่พอเป็นคำถามยากก็ส่งเข้าคนตอบ ซึ่งตรงนี้พนักงานก็แฮปปี้ขึ้น มันลดงาน ลดอารมณ์ ลดความจุกจิก และพนักงานบางคนก็ได้ Upskill พัฒนาจากเดิมที่เป็น Call Center สู่ Bot Trainer ไปเลยก็มี 

จริงๆ แล้ว AI เป็นเครื่องมือหนึ่งที่ช่วยรับมือกับลูกค้า ท้ายที่สุดความมี Empathy ความเข้าอกเข้าใจ หรือเรื่องยากๆ ก็ยังเป็นหน้าที่ของคนอยู่ เพียงแต่ว่างานง่ายๆ มันจะหายไป และคนจะได้ทำงานใหม่ที่ท้าทายขึ้นกว่าเดิม 

ส่วนในประเด็นที่ถูกตั้งคำถามกันว่า “AI จะมาแทนที่คนด้านคุณชนัญญารักษ์ ยังอธิบายเพิ่มอีกว่า ในการทำงานมันต้องทำร่วมกันทั้งสมองซีกซ้ายและขวา ก็คือใช้ตรรกะและความคิดสร้างสรรค์ แต่ตอนนี้ AI อาจจะทำได้ดีและรวดเร็วในด้านตรรกะ การให้ข้อมูล และการใช้เหตุผล แต่ส่วนด้านอารมณ์ ความรัก ความรู้สึก ความสร้างสรรค์ ก็ยังต้องพึ่งคนอยู่เหมือนเดิม แน่นอนว่าเขามาแทนคนแบบ 100% ไม่ได้ แต่เราก็ควรจะเรียนรู้ในการใช้ประโยชน์จาก AI เพื่อสร้างผลกำไร และทำให้ธุรกิจมันเติบโตขึ้นกว่าเดิม 

และในพาร์ทของงาน HR คุณชุติมาเล่าว่า จริงๆ เทคโนโลยี AI ช่วยแก้ปัญหาในองค์กรหลายอย่าง ไม่ว่าจะเรื่องง่ายๆ อย่างการเขียน Job Description ไปจนถึงเอามามาเป็น Manager Coach ช่วยปรับปรุง KPI ของลูกทีม มันขึ้นอยู่กับว่าเรามีปัญหาเรื่องไหน ซึ่ง AI มันช่วยได้ 

งานที่เป็น Low Value แต่สำคัญและขาดไม่ได้ หรืองานประเภททำซ้ำๆ งานที่ใช้ logic และ data มากๆ ให้ AI ช่วยจัดการไปเลย แล้วเราเอาเวลาไปโฟกัสที่การ Upskill & Reskill ให้มีประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้นกว่าเดิม 

ก่อนปิดท้าย คุณแซมได้บอกว่า หากต้องการนำ AI มาใช้เปลี่ยนแปลงองค์กร ให้มีประสิทธิภาพ ต้องเริ่มจากผู้นำมี Mindset ที่เป็นบวกก่อน ถึงจะสามารถขับเคลื่อนองค์กรไปสู่ความสำเร็จได้ 

และคุณชนัญญารักษ์ยังเสริมอีกว่า สิ่งที่สำคัญของผู้นำในยุค AI คือเราต้องพัฒนาตัวเองไม่หยุดนิ่ง เพื่อวางแผนความสำเร็จให้เป็นรูปร่าง และใช้ AI ให้เป็นคู่คิดในการทำงานไปสู่ความสำเร็จ โดยไม่ลืมสิ่งสำคัญของความเป็นมนุษย์นั่นก็คือ ความใส่ใจ ความเข้าใจ การรับฟัง และความเคารพต่อคนอื่นด้วย 

 

👉 คลิกที่นี่! เพื่อรับชมเนื้อหาแบบเต็มๆ ของงาน People Strategy Summit 2024

Top