นี่ก็ใกล้จะผ่านพ้นกันไปอีกปีแล้ว เราเคยสงสัยกันมั้ยว่าคนที่ประสบความสำเร็จเขาใช้ชีวิตกันอย่างไร ? จริงๆ แล้วมันไม่ได้แปลว่าคนนั้นจะต้องมีชื่อเสียงมาก่อน หรือมีฐานะมาก่อนแล้ว แต่มันมาจากสิ่งต่างๆ ที่เราทำในชีวิตของเรา
มันอยู่ที่การใช้เวลาของคุณนอกเวลาทำงาน
คุณทำอะไรในตอนเย็นหลังเลิกงาน ?
คุณคิดอะไรอยู่ในวันหยุด ?
และในวันพักผ่อนคุณเลือกที่จะทำอะไรให้ตัวเอง ?
สิ่งเหล่านี้ทั้งหมดสามารถส่งผล หรือสะท้อนมาที่หน้าที่การทำงานของคุณได้ด้วย
ถ้าหากคุณอยากเข้าใกล้ความสำเร็จมากขึ้นก็ลองดูว่า 10 ข้อที่พวกเขาทำกันหลังเลิกงาน หรือช่วงหยุดพักผ่อนนั้นมีอะไรบ้าง แล้วลองทำตามดูนะคะ
Work Out สิ – ใช่แล้ว คำว่า “ออกกำลังกาย” พอได้ยินแล้วคุณรู้สึกเหนื่อยหมดแรงไม่อยากขยับ หรือไม่มีเวลาให้มันทันที แต่ว่าการออกกำลังกายนั้นเป็น 1 ในปัจจัยหลักช่วยให้เรามีสุขภาพที่ดี นอกจากเรื่องสุขภาพแล้วการออกกำลังกายยังช่วยให้เราคิดสร้างสรรค์ หรือมีความคิดที่เฉียบคมมากขึ้น และมีความอดทนทางกายและใจที่ดีขึ้นด้วย
ลองสังเกตุดูสิหัวหน้าของคุณหรือใครก็แล้วแต่ที่ออกกำลังกาย หรือหาเวลาออกกำลังกายอยู่เสมอแม้งานจะเยอะก็ตาม จะดูมีความกระฉับกระเฉงกว่าหลายๆ คนเลยนะ
หา Inspiration และสิ่งใหม่ๆ ให้สดชื่น – ง่ายๆ เลย ถ้าคุณเป็นเชฟ ก็ลองไปดูงานภาพศิลป์สวยๆ ดูสิ หรือถ้าคุณไม่ได้เป็นอะไรเลยก็ลองมันซะทุกอย่าง เพราะเราไม่มีทางรู้ว่าไอเดียหรือแรงกระตุ้นใหม่ๆ ดีๆ จะมาตอนไหน และเมื่อไหร่
การเอาตัวเองไปเจอสิ่งใหม่ๆ สถานที่ไม่คุ้นเคย พบปะผู้คน เป็นวิธีการที่เร็วสุดในการกระตุ้นให้สมองของเรามีไอเดียใหม่ และสร้างสรรค์ได้มากขึ้น และยังสามารถกระตุ้นให้สมองสามารถคิดแนวทางสร้างสรรค์การป้องกันและแก้ปัญหาได้ดีขึ้นด้วย
สร้างสัมพันธ์ที่ไม่ใช่บนจอสี่เหลี่ยม – ครั้งสุดท้ายที่คุณได้ใช้เวลากับคนรอบตัว ครอบครัว หรือคนรักของคุณโดยที่ไม่มีเครื่องมือสื่อสารมารบกวนหรือเป็นตัวกลางคือเมื่อไหร่ ? และใช้เวลานานแค่ไหน ?
การได้มีมนุษย์สัมพันธ์ของจริงไม่ใช่แค่พัฒนาความสัมพันธ์ของคุณ แต่ยังช่วยให้คุณได้ฟื้นฟูความคิดดีๆ อีกด้วย
ไปเจอธรรมชาติบ้าง อยู่กับสายลม อยู่กับแสงดาว – เข้าออฟฟิศเจอคอกสี่เหลี่ยม เจอแอร์ แสงจากคอมพิวเตอร์ แล้วต้องทำอย่างนี้ทุก 5 วันต่อสัปดาห์แน่นอนว่ามันสามารถบั่นทอนความกระตือรือล้น หรือกำลังใจในการทำงานกับสุขภาพให้อ่อนแอลงแน่นอน ซึ่งเราควรหาเวลาว่าง หรือใช้ช่วงวันหยุดออกไปเจอธรรมชาติบ้าง เช่นการไปเดินสวน ปีนผา เที่ยวทะเล น้ำตก เพื่อเป็นการเติมพลังกลับมาให้สดชื่นอีกครั้ง
ปิดเทคโนโลยีด้วยเวลาพัก – ทุกวันนี้เรามีเทคโนโลยีและการสื่อสารที่สะดวกมากขึ้นเร็วขึ้นทุกวัน แน่นอนว่าความไวของเทคโนโลยีทำให้งานของเราเดินเร็วขึ้น แต่มันก็ทำให้เราต้องรับมือกับปัญหาที่มากขึ้นด้วยเช่นกัน การทำวันหยุดให้เป็นวันปลอดเทคโนโลยีก็เป็นอีกทางหนึ่งที่ดีที่จะทำให้เรามีเวลาหาอะไรทำที่เป็นประโยชน์กับตัวเรา หรือพัฒนาความสามารถของเราได้มากขึ้น
ลาพักร้อนของจริง – ง่ายๆ และตรงตัวเลยคือเราควรมีเวลาให้ตัวเองได้ใช้สิทธ์วันลาพักร้อน และลาพักร้อนจริงๆ ไม่ใช่ลาเพื่อเพิ่มเวลาทำงานค้างอีกนะ
ช่วงเย็นก็สำคัญไม่แพ้ช่วงเช้า – ทุกเช้าเราทุกคนต่างรู้ว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการทำงานต่างๆ ให้เสร็จได้มากที่สุดได้ แต่รู้มั้ยว่าช่วงเย็นใกล้ๆ เลิกงานหรือหลังเลิกงานก็เป็นช่วงสำคัญไม่แพ้กันเลยนะ เช่นการทบทวนสิ่งที่เราทำไปแล้วในทั้งวันว่ามีอะไรบ้าง การจัดโต๊ะ จัดเอกสารเตรียมไว้ก่อนกลับบ้าน การทำรายการสิ่งที่ต้องทำในวันรุ่งขึ้น
ทั้งหมดนี้จะช่วยให้งานของเราเสร็จได้มากขึ้น และทำให้รู้สึกว่าเราได้เตรียมความพร้อมให้ตัวเองอย่างดีด้วย
ลงทุนพัฒนาตัวเองสม่ำเสมอ – ถือเป็นอีกสิ่งที่สำคัญพอๆ กับความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน นั่นคือการหมั่นหาเวลาเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เพราะการเรียนรู้ไม่มีวันหมด และมีเรื่องใหม่ๆ ให้เราทุกคนได้เรียนรู้ตลอดเวลา และยังเปิดมุมมองให้เรากว้างขึ้น สุดท้ายแล้วยังเพิ่มโอกาสความก้าวหน้าที่มากกว่านี้ด้วย
ต้องคลายเครียดและดูแลตัวเองเป็น – ไม่ว่างานของคุณจะเป็นอะไร อยู่ที่ไหน มันต้องมีบางจังหวะในแต่ละวันที่เราต้องเจอกับปัญหา คิดไม่ออก ความเหนื่อยล้า หรือคิดสิ่งต่างๆ ไม่ออก และถ้าคุณไม่ได้ดูแลตัวเองดีๆ ไม่ได้นอนอย่างเพียงพอ อาหารการกินไม่ครบถ้วน หรือไม่ได้ระบายความตึงเครียดออกบ้างแล้วในท้ายที่สุดคุณจะประสบปัญหาหนักจนทำอะไรไม่ได้ ฉะนั้นเราทุกคนไม่ควรมองข้ามสัญญาณเตือนเหล่านี้และหันมารับฟังมันมากขึ้นและดูแลตัวเองด้วย
#สุดท้ายแล้ว ความสำเร็จนั้นอยู่ที่ว่าเราอยากประสบความสำเร็จแบบไหน และบริหารการใช้เวลาของตัวเองอย่างไร เพราะในหนึ่งสัปดาห์มีทั้งหมด 168 ชั่วโมง เราใช้เวลาประมาณ 40 ชั่วโมงไปกับการทำงาน และอีก 128 ชั่วโมงที่เหลือคือเวลานอน กินเที่ยว พักผ่อน จะจัดสรรอย่างไรขึ้นอยู่กับตัวเราว่าจะใช้เวลาอย่างไรให้ดีที่สุดค่ะ